ผู้รับซื้อผลไม้ป่าต่างมีความสงสัยกันว่าจะปฏิบัติอย่างไรกับเรื่องภาษีของผู้เก็บผลไม้ป่าที่มาจากต่างประเทศ
เราจึงขออธิบายให้ทราบดังนี้
ผู้เก็บผลไม้ป่าที่เป็นคนต่างชาติที่ต้องมีวีซ่าสำหรับเดินทางเข้าประเทศสวีเดน และได้รับการเชิญเข้ามาในรูปแบบที่มีการจัดการ เพื่อมาเก็บผลไม้ป่าจำหน่ายให้กับบริษัทที่รับซื้อนั้น ถือว่าเป็นการมาทำงานให้กับผู้รับซื้อ ดังนั้นผู้เก็บผลไม้ป่าจึงต้องเสียภาษีในประเทศสวีเดน และบริษัทที่รับซื้อผลไม้ป่าจะต้องเสียภาษีนายจ้าง
ผู้เก็บผลไม้ป่าที่เป็นคนต่างชาติที่เดินทางมาสวีเดนเพื่อทำงานในระยะสั้นกว่าหกเดือน จะต้องเสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้แบบพิเศษสำหรับผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศ (เอสไอเอ็นเค) ภาษีเงินได้แบบพิเศษนี้ หมายถึงว่าจะหักค่าภาษีในอัตรา ๒๕ เปอร์เซ็นต์ ผู้ที่จ่ายเงินค่าตอบแทนสำหรับการทำงาน (เก็บผลไม้ป่า) จะต้องเป็นผู้หักภาษีดังกล่าว ถ้าต้องการก็สามารถที่จะจ่ายภาษีเงินได้แบบธรรมดาได้
คำร้องเพื่อขอจ่ายภาษีเงินได้แบบพิเศษสำหรับผู้ที่มีภูมิลำเนาในต่างประเทศนี้ ผู้เก็บผลไม้ป่าหรือผู้รับซื้อผลไม้ป่าจะเป็นผู้ยื่น โดยใช้แบบฟอร์ม เอสเควี ๔๓๕๐ หลังจากที่กรมสรรพากรได้มีมติเกี่ยวกับเรื่องภาษีเงินได้แบบพิเศษนี้แล้ว จะแจ้งมตินี้ให้ผู้รับซื้อผลไม้ป่าได้รับทราบ เพื่อที่จะหักภาษีเงินได้ให้ตรงกับมติที่มี
ผู้เก็บผลไม้ป่าที่ได้รับเชิญเข้ามาในรูปแบบที่มีการจัดการ ให้ถือว่ามีหน้าที่ในการเข้ามาเก็บผลไม้ป่า ดังนั้นค่าตอบแทนที่จ่ายให้กับผู้เก็บผลไม้ป่า จึงถือว่าเป็นค่าตอบแทนในการทำงาน จึงทำให้ผู้ที่จ่ายเงินค่าตอบ
แทนดังกล่าวจะต้องจ่ายภาษีนายจ้างสำหรับค่าตอบแทนนั้น และมีหน้าที่ในการหักภาษีเงินได้ รวมทั้งการส่งมอบข้อมูลเรื่องรายได้และภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้กับทางกรมสรรพากร และลูกจ้างได้รับทราบด้วย ทั้งหมดนี้ให้ถือเป็นหลักปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินค่าตอบแทนเป็นกิโลกรัม หรือเป็นชั่วโมง
ศาลปกครองได้ระบุไว้ในคำพิพากษ คดี อาร์โอ ๒๐๐๓ อ้างอิง ๘๙ ว่าผู้เก็บผลไม้ป่าที่ต้องมีวีซ่าสำหรับเดินทางเข้าประเทศสวีเดนโดยได้รับเชิญมาในรูปแบบที่มีการจัดการ เพื่อมาเก็บผลไม้ป่า ให้ถือว่าได้มารับหน้าที่ในการเก็บผลไม้ป่าให้กับผู้รับซื้อผลไม้ป่า